กลิ่นนั่นสำคัญไฉน ??
มาดามไม่พลาดที่จะนำมาฝากคร๊าาา
...ทำไมกลิ่นหอมๆเมื่อดมแล้วจึงรู้สึกสบาย คลายความ
ตึงเครียด ขณะที่มีบางกลิ่นเมื่อดมแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน
บางกลิ่นดมแล้วหวนนึกถึงอดีต บางกลิ่นดมแล้วก็เร้าใจ...
ลองใช้จมูกสูดดมกลิ่นรอบๆตัว ได้กลิ่นอะไรบ้าง คุณอาจได้
กลิ่นหอมของผลไม้ที่สุกน่ากิน กลิ่นไก่ย่าง กลิ่นไอทะเล
บางทีอาจได้กลิ่นของคนรักด้วย (หอมจัง)
ในบรรดาความเพลิดเพลินจำเริญใจที่ได้จากประสาทสัมผัส
นั้น การดมกลิ่นหรือภาษายากๆเรียก “นาสิกสัมผัส” ดูจะมี
ความสำคัญน้อยกว่าการได้ยิน หรือการมอง มักถูกมองข้าม
ไป ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับความผิดปกติทางประสาทสัมผัสคน
หนึ่งกล่าวว่า คนเรามักไม่ค่อยให้ความสำคัญของกลิ่นถึง
ระดับจิตสำนึกได้
การวิจัยใหม่ๆทางกลิ่น แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อย่าง
ใกล้ชิดระหว่างกลิ่นกับอารมณ์ ทั้งนี้เพราะกระแสประสาท
ของกลิ่นสามารถถ่ายทอดไปที่สมองได้เร็วกว่ากระแส
ประสาทชนิดอื่นๆ เป็นต้นว่า กระแสประสาทของแสง หรือ
เสียง กระแสประสาทของกลิ่นเคลื่อนที่ถ่ายทอดโดยตรง
จากจมูกไปยังสมองบริเวณระบบลิมบิก (Limbic system)
ซึ่งเป็นส่วนควบคุมเกี่ยวกับประสบการณ์ทางอารมณ์
ความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดนี้ กลิ่นจึงมีอิทธิพลอย่างใหญ่
หลวงต่อวิถีชีวิตคนเรามากกว่าที่คิดไว้ นักวิจัยของบริษัท
แห่งหนึ่งที่ผลิตสินค้าเกี่ยวข้องกับกลิ่น ทำการศึกษาคน
จำนวนมากกว่า 2,000 ราย พบว่า ประสาทสัมผัสทางกลิ่น
อาจมีความสำคัญที่สุดในการทำให้ร่างกายมีสุขภาพดี
นอกจากนี้ยังพบว่า
- กลิ่นอาจใช้เป็นวิธีบำบัดความเครียดที่มีประสิทธิภาพ ลด
ความดันโลหิต และบรรเทาความเจ็บปวดได้ วิธีนี้ทำให้เกิด
การรักษาชนิดใหม่ขึ้นมา เรียกว่า “การรักษาด้วยกลิ่นหอม”
(Aromatherapy)
- กลิ่นบางอย่างอาจทำให้ความจำที่ลืมเลือนไปนานนั้นกลับ
จำขึ้นมาใหม่ได้ มีผลต่อการรับรู้และพฤติกรรม
- กลิ่นมีบทบาทสำคัญต่อความสัมพันธ์ระหว่างเพศ
- การปรับปรุงความสามารถในการดม (กลิ่น) จะทำให้ชีวิต
เกิดความเพลิดเพลินอย่างใหม่ขึ้นมา
ข้อสำคัญอยู่ที่เราต้องฝึกให้จมูกเกิดการเรียนรู้ในกลิ่น เพิ่ม
ศักยภาพของการดม
การรักษาด้วยกลิ่นหอม : การรักษา (อาการทางประสาท)
ด้วยกลิ่นหอมๆนี้ อาจกล่าวได้ว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจที่สุด
เกี่ยวกับการนำคุณสมบัติของกลิ่นมาใช้ให้เกิดประโยชน์
เมื่อเร็วๆนี้ ที่มหาวิทยาลัยเยล นักจิตวิทยาชื่อ แกรี สจ๊วต ได้
ทดลองถามปัญหาที่บีบคั้นทางจิตใจกับนักศึกษาจำนวน 48
คน โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกก่อนถูกตั้งคำถามให้ดม
กลิ่นหอมของดอกไม้ชนิดพิเศษอย่างหนึ่งรวมทั้งกลิ่นของ
ผลแอปเปิ้ล อีกกลุ่มไม่ให้ดมอะไรเลย พบว่ากลุ่มแรกจะมี
การหายใจสบายๆช้าๆ กล้ามเนื้อมีการผ่อนคลาย ความดัน
เลือดไม่สูง หัวใจเต้นไม่ถี่หรือรัว นอกจากนี้ยังพบว่า คน
กลุ่มนี้มีความสุข ความสบายใจคลายความตึงเครียดมากกว่า
ความกังวลใจ หรือความเขินอายก็มีน้อยกว่าด้วย
สำหรับผลในการรักษานั้น พบว่าการดมกลิ่นที่หอมจะช่วย
บรรเทาอาการตื่นตระหนกตกใจ อาการชักของลมบ้าหมู
ภาวะง่วงหลับ นอกจากนี้วิธีดังกล่าวยังอาจนำมารักษาความ
กังวลใจ ความเหนื่อยล้า อาการนอนไม่หลับ กินจุกจิก
อาการปวดหัวแบบไมเกรน โรคซึมเศร้า โรคจิตเภท และโรค
หัวใจเต้นผิดจังหวะ
ในอนาคต การรักษาด้วยกลิ่นหอมจะเป็นที่คุ้นเคยยิ่งขึ้น ที่
ญี่ปุ่นได้มีการศึกษาการนำวิธีนี้มาใช้รักษาอาการเจ็บป่วย
เล็กๆน้อยๆที่เกิดในชีวิตประจำวัน เป็นต้นว่า อาการ
คลื่นเหียน วิงเวียน มึนงง
การดมกลิ่นเมื่อตอนอายุ 6 ขวบ และตอนอายุ 60 : จากการ
ศึกษาพบว่า การดมกลิ่นจะเปลี่ยนไปตามอายุ ในทารกแรก
เกิดนั้น การดมกลิ่นจะมีระบบเพียงไม่กี่อย่างที่สามารถใช้
งานได้ดี ทารกจะตอบสนองต่อกลิ่นหอมๆในทางบวก ส่วน
กลิ่นไม่ดีจะตอบสนองในทางลบ และเป็นที่น่าแปลกใจว่า
ทารกแรกเกิดเพียง 2 วัน สามารถแยกแยะความแตกต่าง
ระหว่างนมของมารดากับของคนอื่นได้
เมื่อโตเป็นหนุ่มสาว รสนิยมของกลิ่นจะผิดไปจากเมื่อตอน
เป็นเด็ก นักวิจัยบางคนเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้มี
สาเหตุจากทางด้านชีววิทยา แต่เป็นเพราะอิทธิพลของ
วัฒนธรรม ประเพณี
ดร.ริชาร์ด แอล. ดอตทิ แห่งมหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนียได้
ศึกษาความสามารถในการแยกแยะกลิ่นจากคน 1,955 คน
อายุระหว่าง 5 ถึง 99 ปี พบว่า ทักษะในการแยกแยะกลิ่นจะ
ดีที่สุดในช่วงอายุ 20 ถึง 40 ปี และจะค่อยๆลดลงเมื่ออายุ
40 ถึง 70 ปี หลังจากอายุ 80 ปีไปแล้ว ความสามารถในการ
แยกกลิ่นจะลดลงอย่างรวดเร็ว
กลิ่นช่วยเตือนความจำ : เรื่องที่เกิดมานานแล้วลืมไปนั้น
อาจทำให้หวนระลึกได้อีกด้วยกลิ่น เราจำกลิ่นได้นานกว่า
สิ่งที่เห็นด้วยตาหรือได้ยินด้วยหู นักจิตวิทยาชื่อ ทริก เอ็ง
เกน พบว่า คนทั่วไปจำกลิ่นได้ถูกต้อง 65% แม้เวลาจะล่วง
มาถึง 1 ปี ในทางตรงข้าม การหวนรำลึกถึงภาพที่เห็นจะลด
ลงไปราว 50% เมื่อเวลาผ่านไปเพียง 4 เดือนเท่านั้น
กลิ่นที่ดมได้จะถูกเก็บในรูปรหัสในหน่วยความจำ ลักษณะ
เป็นภาพที่สมบูรณ์ กล่าวอีกนัยหนึ่งการรำลึกถึงกลิ่นจะ
ทำให้จำภาพที่เห็น เสียงที่ได้ยิน รสชาติที่ได้ลิ้มได้ นอกจาก
นั้น การหวนคิดถึงกลิ่นใดกลิ่นหนึ่งได้ สามารถกระตุ้น
อารมณ์ที่รู้สึกในครั้งนั้นได้ด้วย
กลิ่นยังมีผลต่อความสำเร็จและความล้มเหลวด้วย จากการ
ศึกษาที่มหาวิทยาลัยวาร์วิก ประเทศอังกฤษ พบว่า เมื่อให้
นักศึกษาดมกลิ่นชนิดหนึ่งขณะทำข้อสอบ ผลที่ออกมา คือ
ทุกคนทำคะแนนได้ต่ำกว่าปกติ และเมื่อให้นักศึกษาเหล่า
นั้นดมกลิ่นนี้อีกในเวลาต่อมา พบว่า มีมากกว่าครึ่งเกิด
อาการซึมเศร้า จึงอาจเรียกกลิ่นนี้ว่า “กลิ่นแห่งความล้ม
เหลว” ในทางตรงกันข้าม มีกลิ่นที่เรียกว่า “กลิ่นแห่งความ
สำเร็จ” กลิ่นนี้เสริมแรงให้คนที่ดมเกิดความมั่นใจ เชื่อมั่นใน
ตนเอง
มาเพิ่มประสิทธิภาพเกี่ยวกับการดมกลิ่น : คุณผู้อ่านสามารถ
บอกความแตกต่างของกลิ่นชนิดหนึ่งกับอีกชนิดได้หรือไม่
จากการศึกษาพบว่า คนทั่วไปสามารถบอกชื่อสิ่งของได้ถูก
ต้องราว 70% ของกลิ่นที่ดมได้ทั้งหมด แต่คนที่ดมกลิ่นได้
ปกติทุกคนจะมีจุดบอดในการดมกลิ่นอย่างน้อยที่สุด 1 กลิ่น
กลิ่นที่คนหนึ่งบอกได้ถูก จะเป็นกลิ่นที่อีกคนไม่สามารถบอก
ได้
จากการฝึกการดมกลิ่น เราสามารถกลั่นกรองความสามารถ
ในการดมกลิ่นที่ซ่อนอยู่ออกมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ การที่
เราบอกกลิ่นไม่ถูกนั้นเป็นเพราะเรามีคำศัพท์ในการบอกชื่อ
กลิ่นน้อย อีกประการหนึ่งคือ เรามักให้ความสำคัญของภาพ
ที่เห็นมากกว่ากลิ่นที่ดม และมักทึกทักเอาว่าของที่ดูเหมือน
กันจะมีกลิ่นเหมือนกัน ของที่ดูแตกต่างกันจะมีกลิ่นต่างกัน
ด้วย
แต่จากการฝึกหัด ผู้ฝึกบางคนสามารถเพิ่มศักยภาพในการ
แยกแยะกลิ่นได้อย่างเฉียบขาด ยิ่งฝึกมากเท่าไรก็ยิ่งดีขึ้น
เท่านั้น วิธีฝึกง่ายๆคือ ให้คู่หูนำของมาให้ดมในขณะที่เราปิด
ตาอยู่ สูดดมครั้งหรือสองครั้ง คิดพิจารณาสักครู่ แล้วทายว่า
กลิ่นนั้นเป็นกลิ่นของอะไร
เผลอๆคุณอาจกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญการดมกลิ่นขึ้นมาก็ได้!
>>ที่มาCr. หมอชาวบ้าน